คุณวรวุฒิ กาญจนกูล มือพลิกโฉม สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ส่องโอกาสบนวิกฤติรอบด้าน

รับสร้างบ้านหรู

คุณวรวุฒิ กาญจนกูล มือพลิกโฉม สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ส่องโอกาสบนวิกฤติรอบด้าน

         ในช่วงปี 2555-2564 มูลค่าการลงทุนก่อสร้างโดยรวมของไทย มีสัดส่วนถึง 8.1% ของจีดีพีประเทศ

ทั้งนี้ ‘ตลาดบ้านสร้างเอง’ ซึ่งครอบคลุม การสั่งสร้างบ้านผ่านบริษัทรับสร้างบ้าน และ ผู้รับเหมา เป็นอีกหนึ่งกลไก ที่ขับเคลื่อนหัวจักรเศรษฐกิจ ดังกล่าว จากมูลค่ามากกว่า 2 แสนล้านบาท ในแต่ละปี โดยเฉพาะในพื้นที่ภูมิภาค ที่มีอัตราการเติบโต ของตลาดอย่างน่าสนใจ

            การปิดฉาก งานรับสร้างบ้านและวัสดุ EXPO 2022 สร้างเปลี่ยนโลก ซึ่งถูกจัดขึ้นโดยสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) ด้วยยอดผู้เข้าชม ระยะ 4 วัน จำนวน 12,000 คน พร้อมยอดขาย จองปลูกสร้างบ้านภายในงาน มูลค่ากว่า 4,300 ล้านบาท ทุบสถิติสูงสุดในรอบ 18 ปี (ตั้งแต่จัดงานมา) เป็นอีกเครื่องสะท้อนได้ว่า การใช้จ่ายเพื่อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค กำลังฟื้นตัวแรง ทนทานต่อปัจจัยลบรุมเร้า และมีบริบททดสอบโจทย์ที่เปลี่ยนแปลงหรือไม่ ?

         “ฐานเศรษฐกิจ” เจาะ เบื้องหลังความสำเร็จดังกล่าว ผ่านมุมมอง ผู้พลิกโฉมตลาศยุคใหม่ “คุณวรวุฒิ กาญจนกูล” ประธานบริหาร บริษัท ดับบลิวเฮ้าส์ จำกัด และ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ยุคแรกของวาระตำแหน่ง 3 ปี กับ ไทม์ไลน์ความท้าทายในหลายมิติ ตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ ระบาดของโควิด-19, วิกฤติ เศรษฐกิจถดถอย, สงครามยูเครนต่อต้นทุนราคาวัสดุที่เปลี่ยนไป และการล็อคดาวน์กิจกรรมการ ขาย รวมถึงกฎหมายฉุกเฉินปิดตายแคมป์ก่อสร้างชั่วคราว และ เทรนด์ผู้บริโภคที่ต้องไล่ให้ทัน พร้อม ๆ กับการพัฒนา ยก ระดับเวทีกลาง ดึงการมีส่วนร่วม ในกลุ่มผู้ประกอบการ และการทำงานร่วมกับภาครัฐ และเอกชน เพื่อนําไปสู่การตั้งอยู่ของ “ธุรกิจรับสร้างบ้าน” อย่างยั่งยืน และ ได้รับความเชื่อถือในวงกว้าง

 

ตีป้อมตลาดภูมิภาค ความสำเร็จด่านแรก

การเข้าสู่ปีที่ 18 โดยมี สมาชิกสมาคมฯ รวมทั้งสิ้น 136 บริษัท เพิ่มขึ้นถึง 20% โดยเฉพาะ การเข้ามาของสมาชิกระดับภูมิภาค และยังมีบริษัทรับสร้างบ้าน ที่รอการตรวจรับอีกเป็นจำนวนมากนั้น กลายเป็นบันไดเสริมแกร่ง ให้กับตลาดธุรกิจรับสร้างบ้านใน ยุคนี้ ภายใต้ 3 เป้าหมาย ได้แก่

  1. 1.ยกระดับสร้างความเชื่อมั่น
  2. สร้างการมีส่วนร่วม
  3. การพัฒนาอย่าง “ยั่งยืน”

เนื่องจากสัญญาณาการผ่อนปรนมาตรการควบคุมโรค ของรัฐ ซึ่งส่งผลให้การลงทุนเกี่ยวกับบ้านและรถยนต์ ฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2564 ทำให้ผู้บริโภค ที่ชะลอแผนสร้างบ้านเอาไว้ เริ่ม หันกลับมากล้าตัดสินใจสร้างบ้านใหม่อีกครั้ง แต่ภาพความไม่มั่นใจ ทั้งในแง่คุณภาพของงานก่อสร้าง และปัจจัยลบด้านต้นทุนก่อสร้าง และ ข้อพิพาทระหว่างลูกค้าและผู้รับเหมาที่เกิดขึ้นบ่อยขึ้น ทำให้ สมาคมฯ ต้องรับงานหนัก ปลดล็อคจุดบอดสำคัญ

ซึ่งคุณวรวุฒิ ระบุว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา สมาคมฯ ประสบความสำเร็จ ในการเพิ่ม มูลค่าตลาด จากการเข้ามา และ ช่วยพัฒนาบริษัทท้องถิ่น ไปสู่บริษัทรับสร้างบ้านที่มีคุณภาพ ทั้งในโซนภาคอีสาน และภาคใต้ ทำให้ได้รับความสนใจจากลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคในภูมิภาคต้องการใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้าน มากขึ้นต่างจาก ในอดีตที่มีเฉพาะใน กทม. และ ปริมณฑลเท่านั้น

เราประสบความสำเร็จ แง่การสร้างความรับรู้ในหมู่ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค ซึ่งการเข้ามาเป็นสมาชิกผู้รับเหมา จะถูกยกระดับ จากแกนกลาง มาตรฐานก่อสร้าง การขาย และ ส่งเสริมความรู้ นวัตกรรมใหม่ๆ ช่วยทำให้ภาพรวมผู้บริโภคให้ความเชื่อใจ และหันมาใช้บริการ จากบริษัทของสมาคมมาก

 

กระทุ้งรัฐหนุนอสังหาฯ

ปัญหาที่เจอกันคือ กระบวนการขอปลูกสร้างแต่ละขั้นตอนใช้เวลานานเกินไปและไม่เที่ยงตรง

อย่างไรก็ตาม ในภาพใหญ่ธุรกิจนี้ ยังท้าทายอยู่อีกมาก โดยเฉพาะราคาวัสดุก่อสร้างที่ พุ่งแรง เช่น เหล็ก ซีเมนต์ โลหะ ฯลฯ ทำให้ต้นทุนก่อสร้างสูง บวกกับปัญหา เงินเฟ้อ และดอกเบี้ย ทำให้กําลังซื้อกลุ่มบ้านต่ำกว่า 2.5 ล้านบาท ลดลงไป นำมาซึ่งการปรับตัวใหม่ของบริษัทต่างๆ เป็ดเซกเม้นท์บ้านระดับบน 1020 ล้านบาท เพื่อรองรับความ แข็งแกร่งของกลุ่มกําลังซื้อสูง อีกด้านกลายเป็นตัวเร่งการเติบโตช่วงท้ายของตสาดปี 2565 เพราะ ผู้บริโภคแห่จองสร้างบ้านเพื่อล็อคราคา ก่อนราคาบ้านจะปรับขึ้นสูงในปีหน้า โดยเฉพาะจาก ต้นทุนด้านค่าจ้างแรงงาน การขนส่ง หากสงครามยูเครน ยังยืดเยื้อ

ทั้งนี้ คุณวรวุฒิ ระบุต่อว่า สิ่งที่เป็นอุปสรรคสำคัญ ต่อการเติบโตของธุรกิจรับสร้างบ้าน ยังมาจากกระบวนการและ ระเบียบขั้นตอนทางราชการที่ ล่าช้าซ้ำซ้อน โดยในแนวทางออก นั้น มีแนวคิดสอดคล้องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ ที่ต้องการ ให้ปลดล็อคกับดักหนุนนำอสังหาฯ เพื่อสร้างเศรษฐกิจยุคใหม่ เช่น การออกใบอนุญาตปลูกสร้าง อิเล็กทรนิกส์, การขออนุญาตในแง่ต่างๆ โดยใช้มาตรฐานแกนกลางของกฎหมาย ไม่ใช่ใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่เป็นหลัก และ ให้รวมศูนย์ในรูปแบบ One stop Service เพื่อลดค่าใช้จ่ายและร่นระยะเวลา ช่วยเหลือทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค

 

“ปัญหาที่เจอกัน คือ กระบวนการปลูกสร้างแต่ละขั้นตอน ที่ใช้เวลานานเกินไป และ ไม่เที่ยงตรง ซึ่งทำให้เกิดความ เสียหายหลายแง่ ทั้งด้านเศรษฐกิจ และ ภาษีหมุนเวียน โดยเห็นว่า หากรัฐบาลให้ความสำคัญกับอสังหาฯ และลดอุปสรรคดังกล่าว ตลาดบ้านสร้างเอง ก็จะเป็นส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจได้ดี”

 

โอกาสและจุดเปลี่ยนบ้านสร้างเอง

คุณวรวุฒิ ประเมินภาพรวมสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านในปี 2566 ว่า แม้จะยังไม่เห็นปัจจัยบวกมากนัก แต่เชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจ ไทยจะเข้มแข็งได้แรงหนุน จากการกลับมาฟื้นตัวของภาคเที่ยวไทยอย่างเต็มตัว สร้างเม็ดเงินสะพัดลงสู่ท้องถิ่น บวกการขยายตัวในภาคการส่งออก จะก่อเกิดแรงผลักกําลังซื้อในภาคอสังหาฯ

โดย ตลาดรับสร้างบ้าน ยังมีโอกาสเติบโตที่ดีจากขนาดตลาดที่ใหญ่มาก โดยเฉพาะช่องว่างจากการปรับตัวเปลี่ยนโหมดของธุรกิจอสังหาฯ และเจ้าของที่ดิน หลังจากพบปัจจุบันที่ดีเวลลอปเปอร์ หันมาใช้โมเดล แบ่งแปลง แยกขายที่ดิน โดยให้ลูกค้าเลือกแบบบ้าน ก่อนใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านมารับช่วงต่อแทน เพื่อพัฒนา เป็นบ้านพักตากอากาศ และบ้านหลังที่ 2 ระดับ บนมีความคึกคักสูงในทำเลที่ดิน ราคาสูง เช่น พัทยา และเขาใหญ่ นับเป็นตลาดที่น่าจับตามองในอนาคต เพราะพบดีเวลลอปเปอร์ ยังขาดแคลนบริษัทรับเหมาเชื่อมต่อธุรกิจอยู่จำนวนมาก

“แม้เศรษฐกิจโดยรวม อาจจะยังมีปัญหา แต่ตลาดบ้านสร้างเองใหญ่มากเกือบ 2 แสนล้านบาท โดยธุรกิจรับสร้างบ้านเป็นสัดส่วนแค่ 10-20% เท่านั้น ที่มี โอกาสจะเติบโตได้อีก ขณะกลุ่มผู้บริโภคแข็งแกร่ง จากบทเรียน ล็อกดาวน์ 2 ครั้ง แต่ยอดขาย ลดลงเพียง 5% เท่านั้น ก่อนกลับ มาเติบโตกระโดดอย่างรวดเร็ว”

 

บ้านประหยัดพลังงาน รัฐต้องอุ้ม

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญและจะเป็นตัวเร่งการตัดสินใจสร้าง บ้านของผู้บริโภคยุคใหม่ ยังมาจาก เทรนด์ความต้องการ เกี่ยวกับ “บ้านประหยัดพลังงาน จากต้นทุนค่าไฟฟ้าที่คนไทยแบกรับภาระมากขึ้น ซึ่งคุณวรวุฒิ ฉายภาพทิ้งท้ายในบทสัมภาษณ์ ไว้ว่า “วิกฤติด้านพลังงาน” ของไทย กลายเป็นวาระแห่งชาติ และดันให้ผู้อยู่อาศัยยุคใหม่ ต้องการบ้าน ที่มีการติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เอง อย่างไรก็ตาม ส่วน ใหญ่ยังมีความกังวลด้าน ต้นทุนสูง

จึงเห็นว่าเมื่อในภาพใหญ่ ระดับโลก รัฐบาลประกาศนโยบาย เป้าหมาย : กําหนดให้ไทยเป็นกลางทางคาร์บอนแล้ว ก็ควร ต้องเร่งออกนโยบายมาสนับสนุน “บ้านพลังงานทดแทน” ด้วยเช่นกัน เพื่อเปลี่ยนถ่ายจูงใจในฝั่งผู้บริโภค เช่น กระทรวงการคลัง สนับสนุนผ่านนโยบายด้านภาษี หรือ ภาคธนาคารปล่อยสินเชื่อพิเศษ สำหรับบ้านสีเขียว เพื่อให้ต้นทุนถูกลง เป็นต้น

“ถ้ารัฐบาลออกนโยบายสนับสนุน คล้ายกับที่กําลังผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งมาตรการด้านภาษี และเงิน สนับสนุนฝั่งผู้บริโภค เชื่อตลาดบ้านพลังงานทดแทนจะเกิดขึ้นได้จริง”

ทั้งนี้สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน พร้อมที่จะเป็นเวทีกลางในการส่งเสริมสนับสนุนการประกอบ ธุรกิจรับสร้างบ้าน ทั้งในทาง ปฏิบัติและทางวิชาการ เพื่อยกระดับมาตรฐานคุณภาพสินค้า การบริการให้เป็นที่เชื่อถือและเป็นที่ยอมรับของภาครัฐ องค์กร ธุรกิจต่าง ๆ ผู้บริโภคและประชาชน

หลังจากนําร่องโครงการ “แบบบ้านประหยัดพลังงาน” หรือ “บ้านเบอร์ 5” ศึกษาร่วม กับกรมพัฒนาพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, ธนาคารกสิกรไทย และเอสซีจี เพื่อพัฒนาเป็นโมเดลต้นแบบ เพื่อให้ความรู้สมาชิก และเป็นสะพานเชื่อมต่อให้ในฝั่งผู้บริโภค ก้าวสู่การเปลี่ยนผ่านการปลูกสร้างบ้าน บนที่ดินของตนเองในรูปแบบ ใหม่อย่างยั่งยืน

บทสัมภาษณ์ขอบคุณที่มา : ฐานเศรษฐกิจ https://www.thansettakij.com/

บริษัท ดับบลิว เฮ้าส์ จำกัด

บริการรับสร้างบ้านมาตรฐานสูง รับสร้างบ้านหรู ครบครันด้วยคุณภาพและนวัตกรรมเพื่ออนาคต ด้วยประสบการณ์กว่า 23 ปี

บริษัท ดับบลิว เฮ้าส์ จำกัด มีความพร้อมด้วยทีมงานมากความสามารถทั้ง สถาปนิก วิศวกร ที่มีประสบการณ์และได้รับการฝึกอบรมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างสรรค์ “บ้านหรู อยู่สบาย สไตล์คุณ” รวมถึงมีความพร้อมที่จะดูแลให้คำปรึกษาและบริการ ตั้งแต่เริ่มออกแบบ จนกระทั่งการก่อสร้างแล้วเสร็จอย่างดีเยี่ยม เพื่อให้ท่านได้รับบ้านที่สวยงาม โดดเด่น แข็งแรง และมีคุณภาพเหนือกาลเวลา

Start typing and press Enter to search

Shopping Cart