คฤหาสน์สไตล์ Super Modern Luxury สูง 4 ชั้น ที่รังสรรค์ขึ้นจากแรงบันดาลใจอันเร่าร้อนของ “เปลวไฟ” ถ่ายทอดผ่านสถาปัตยกรรมที่แข็งแกร่งแต่พลิ้วไหว ให้ความรู้สึกราวกับ Super Car ระดับไฮเอนด์ที่ถูกแปลงร่างเป็นคฤหาสน์ พื้นที่ใช้สอยกว่า 1,530 ตารางเมตร ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อสะท้อนความกล้า ความร้อนแรง และความหรูหราในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

ㅤ

ดีไซน์ เล่นระดับ แบบไดนามิก ทำให้คฤหาสน์หลังนี้โดดเด่นในทุกมุมมอง ทุกองศาของตัวอาคารล้วนถูกคิดมาแล้วอย่างลึกซึ้ง สร้างเส้นสายที่ดุดันแต่ลงตัว ถ่ายทอดอารมณ์ของ “เปลวเพลิง” ที่ไม่เพียงแค่ให้ความอบอุ่น แต่ยังเต็มไปด้วยพลังและความเร้าใจ

ㅤ

เมื่อเปลวไฟกลายเป็นแรงบันดาลใจ

“THE FLAME” ไม่ได้เป็นเพียงชื่อ แต่คือคาแรคเตอร์หลักของคฤหาสน์หลังนี้ ลักษณะของเปลวไฟ — ดุดัน พลิ้วไหว เร่าร้อน และมีพลัง — ถูกนำมาเป็นแนวคิดหลักในการออกแบบ ด้วยเทคนิค Additive & Subtractive Form ที่เน้นการยุบยื่นของมวลอาคาร การเว้นจังหวะอย่างชาญฉลาด และการเลเยอร์ฟังก์ชันเพื่อสร้างมิติให้กับพื้นที่ในทุกชั้นอย่างลงตัว

ㅤ

สีดำ ถูกเลือกเป็นสีหลักของอาคาร เพื่อสะท้อนความลึกลับ น่าเกรงขาม และความหรูหราสงบนิ่ง ในขณะที่แสงไฟ สีแดงอมส้ม ที่ถูกฝังไว้บริเวณขอบอาคาร ทำหน้าที่เสมือน “เส้นเปลวไฟ” ที่กำลังลุกโชนในยามค่ำคืน สร้างความน่าหลงใหลและยกระดับคฤหาสน์ให้เหนือกว่าทุกการอยู่อาศัย

ㅤ

ทุกฟังก์ชันถูกวางอย่างมีจังหวะ พื้นที่สังสรรค์ ห้องรับแขก ห้องรับประทานอาหาร รวมถึงพื้นที่ส่วนตัว ล้วนมีความต่อเนื่องแต่แตกต่าง สะท้อนแนวคิดของเปลวเพลิงที่พร้อมแปรเปลี่ยนรูปร่างไปตามอารมณ์ แต่ยังคงแก่นแท้ของความทรงพลัง

ㅤ

THE FLAME จึงไม่ใช่แค่คฤหาสน์ แต่มันคือ “statement” ของผู้อยู่อาศัยที่ กล้าคิด กล้าโดดเด่น และใช้ชีวิตอย่างทรงพลัง ในแบบที่ไม่มีใครเหมือน และไม่มีใครเทียบได้